"หลุมสิว" คือ ปัญหาที่มักเกิดร่วมกับสิว โดยเฉพาะคนที่ชอบเป็นสิวอักเสบ สิวหนอง หรือสิวหัวช้างบ่อยๆ มักมีความเสี่ยงต่อการเป็นหลุมสิวมากกว่าคนเป็นสิวอุดตันแบบทั่วไป ว่าแต่หลุมสิวเกิดจากอะไร? มีกี่ประเภท? แล้วถ้าเราเป็นจะรักษาให้หายได้อย่างไร? วันนี้ Derminet Thailand มีวิธีดีๆมาบอกค่ะ
หลุมสิวเกิดจากอะไร ?
ไม่ได้บีบสิวแกะสิวแต่ทำไมหน้าถึงเป็นหลุมสิว? สาเหตุเพราะ หลุมแผลเป็น เกิดจากสิวอักเสบ หรือสิวหัวช้างเม็ดโตๆ ค่ะ สิวชนิดนี้เมื่อเกิดไปนานๆและขาดการรักษาที่ถูกต้อง จะทำให้เกิด "โพรงหนอง" เกิดการยุบตัวของผิว และเกิดผังผืดขึ้นใต้รอยแผลเป็นนั้นๆ ทำให้เกิดหลุมสิวในที่สุดซึ่งสิวชนิดนี้แม้เราจะปล่อยให้หายเอง ก็มีโอกาสเกิดหลุมแผลได้นะคะ ยิ่งถ้าไปบีบหรือแกะสิว จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะเกิดแผลลึกขึ้น ทำให้การรักษายากขึ้นไปอีก
ประเภทของหลุมสิว
1. หลุมสิวชนิด Ice Pick Scar
หลุมสิวระดับนี้จะเป็นหลุมลึก ปากแผลแคบ รักษาได้ยากมาก เพราะแนวหลุมเป็นไปในทางลึก กว่าผิวจะฟื้นฟูจนเต็มคงต้องใช้เวลานานในการรักษา2. หลุมสิวชนิด Box Scar
หลุมสิวระดับนี้จะมีลักษณะเป็นบ่อ มีขอบชัดเจนและมีขอบเขตกว้างกว่าระดับ Ice pick scar มีทั้งที่เป็นแผลลึกและตื้น3. หลุมสิวชนิด Rolling Scar
หลุมสิวชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นหลุมสิวแบบตื้น ๆ เป็นแอ่งเว้าลงไป กินพื้นที่แค่ส่วนบนของผิวเพียงเล็กน้อย หลุมระดับนี้มักจะทำการรักษาได้ง่ายกว่าระดับอื่น ๆผลการรักษาหลุมสิวขึ้นกับชนิดของแผลสิวที่เกิดขึ้น แผลเป็นชนิดลึกจะรักษายากกว่าแผลชนิดตื้น ทางที่ดีจึงไม่ควรบีบสิวนะคะ
รักษาหลุมสิวด้วยวิธีใดดีที่สุด?
เคยเห็นโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษา หลุมแผลเป็นให้ตื้นขึ้นใช่มั้ยคะ ขอให้พึงระลึกว่าไม่มี "ครีม" หรือ "เซรั่ม" หรือสิ่งๆใดๆก็ตามที่ทาบนผิวหน้าแล้วสามารถ "รักษาหลุมสิว" ให้ตื้นขึ้นได้ยาทาที่สามารถกระตุ้นเซลล์ผิวให้มีการซ่อมแซมแผล ริ้วรอย เช่น วิตามินอี , เอเอชเอ , บีเอชเอ , หรือ วิตามินเอ อาจช่วยบรรเทาให้แผลเป็นชนิดตื้นดีขึ้นได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น การรักษาหลุมแผลเป็น จึงต้องใช้วิทยาการสมัยใหม่ ซึ่งปัจจุบันก็มีเครื่องมือหลายชนิดที่ช่วยในการรักษาให้หลุมแผลเป็นตื้นขึ้นได้ค่ะ
เลเซอร์รักษาหลุมสิว
1. Fractional CO2 Laser
เป็นเลเซอร์ที่ได้ผลดีในการกระตุ้นการสร้างผิว ช่วยให้หลุมแผลเป็นตื้นขึ้น แต่มีผลข้างเคียงค่อนข้างมากค่ะ หลังการทำเลเซอร์ชนิดนี้ จะเกิดรอยสะเก็ดแผล ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน สะเก็ดแผลจะค่อยๆลอกหลุดออก ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ความร้อนหลังการทำ เพราะมีโอกาสเกิดรอยคล้ำดำได้มาก ระยะห่างในการทำการรักษาซ้ำประมาณ 1-3 เดือน เป็นวิธีที่ได้ผลดีเกือบ 80% (3-5 ครั้ง)
2. Fraxel Laser หรือ Fine Scan Laser
เลเซอร์ 2 ชนิดนี้ มีหลักการทำงานคล้ายๆกัน เพียงแต่ Fine Scan Laser เป็นเลเซอร์ตัวเลียนแบบของ Fraxel Laser หลักการทำงาน คือ การตัดพังผืดด้วยการการปล่อยคลื่นแสงในช่วง mid infrared ลงไปใต้ผิวเป็นจุดเล็กมากๆนับพันจุดต่อตารางเซนติเมตร สามารถปรับระดับความลึกตื้นเพื่อหวังผลในการรักษาริ้วรอยได้ด้วย สามารถคาดหวังผลหลุมสิวได้ 70-75 % (10 ครั้งขึ้นไป)
3. E-Matrix
เป็นการใช้คลื่นเสียงในการรักษาแทนคลื่นแสง ทำให้มีประโยชน์ในด้านการยกกระชับใบหน้าด้วย ในปัจจุบัน E-matrix เป็นตัวที่หวังผลในการรักษาหลุมสิวได้มากที่สุด (Fractional CO2 Laser อาจจะได้ผลเทียบเท่าหรือดีกว่า แต่เสี่ยงกว่าและมี Effect หลังทำที่เยอะกว่ามาก) อาการข้างเคียงน้อยเมื่อเทียบกับการรักษาด้วย Fractional CO2 Laser แต่ราคาแพง สามารถคาดหวังผลการรักษาหลุมสิวได้ 80-90 % (3-5 ครั้ง)
4. Dermal Needling
เป็นการรักษา แผลเป็นหลุมสิว ด้วยการใช้เข็มขนาดเล็กกดลงไปบริเวณที่เป็นแผลหลุมสิว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างผิวใหม่ ทำให้แผลเป็นหลุมสิวตื้นขึ้นได้ เป็นวิธีที่ได้ผลมากอีกวิธีหนึ่ง แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ ทำให้เกิดแผลที่ผิว ทำให้ผิวหนังระคายเคือง เสี่ยงต่อการติดเชื้อ จึงต้องทำด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ
5. Subcision
นอกจาก การรักษาหลุมแผลเป็น ด้วยเลเซอร์ หรือ โปรแกรมการรักษาหลุมแผลด้วยเข็มแล้ว อีกเทคนิคที่คุณหมอจะทำให้ร่วมด้วยเพื่อช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น คือ การทำ Subcision หรือการเลาะพังผืดค่ะวิธีนี้จัดว่าเป็นตัวเสริมพลังของการรักษาแผลเป็นได้ดีมาก แต่ Subcision จะไม่มีผลในการกระตุ้นการสร้างผิวนะคะ จึงควรทำร่วมกับวิธีรักษาแผลเป็นอื่นๆ ค่ะ
ก่อนรักษาแผลเป็นหลุมสิว ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าการรักษานั้นต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูสภาพผิว ให้มีการสร้างเซลผิวใหม่ จึงต้องทำการรักษาซ้ำหลายครั้ง จึงจะเห็นผลการรักษาที่ดี นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับลักษณะของแผลเป็นหรือหลุมสิวที่เป็นด้วยค่ะ หลุมสิวที่ลึกและปล่อยไว้นานรักษายากกว่าหลุมสิวที่ตื้นและเพิ่งเป็นไม่นาน
ถ้าไม่อยากให้หน้าสวยๆหล่อๆของเราเป็นหลุมสิว ทางที่ดีควรป้องกันและรักษาสิวแต่เนิ่นๆ ไม่ปล่อยให้สิวลุกลามกลายเป็นสิวอักเสบ สิวหนอง หรือสิวหัวช้างขนาดใหญ่ ด้วยการทายาหรือเวชสำอางที่สามารถช่วยลดและป้องกันการเกิดสิว แต่ถ้าเป็นสิวจำนวนมาก ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธีค่ะ
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น